ซึ่งคงต้องยอมรับว่า ปัญหาที่พบได้บ่อยในอันดับต้น ๆ ของลูกในช่วงวัยรุ่นกับพ่อแม่ คือ การคุยกันแล้วไม่เข้าใจกัน ดังนั้นจึงไม่แปลกว่าทำไมเด็กยุคใหม่ไม่ค่อยอยากคุยกับพ่อแม่ หรือน้อยมากที่เราจะพบเห็นลูกวัยรุ่นไปไหนมาไหนกับพ่อแม่ เหล่านี้คือสิ่งที่พบได้บ่อยจนกลายเป็นปมที่แก้ได้ยากขึ้น
ไม่เพียงแต่ความรู้สึกของเด็กหญิงวัยรุ่นในข้างต้น เล็ก นักศึกษาชั้นปี 1 มหาวิทยาลัยศิลปากร ได้ถ่ายทอดความในใจคล้าย ๆ กันในงานเสวนางานหนึ่งที่รพ.จุฬาฯ เมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า เธอรักพ่อกับแม่มาก แต่บางครั้งไม่ค่อยอยากคุยด้วย เพราะไม่ชอบวิธีการจู้จี้ หรือวุ่นวายกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ มากเกินไป อีกทั้งรู้สึกอึดอัดทุกครั้งเวลาที่พ่อแม่ไม่ค่อยฟังเหตุผล
"หนูอยากเป็นนกน้อยที่โบยบินออกจากกรงด้วยตัวของตัวเองบ้าง ไม่อยากให้พ่อมาจู้จี้กับเรื่องของหนูมากเกินไป อย่างเรื่องซักผ้า หนูยอมรับว่าหนูมีปัญหาเรื่องการซักผ้า แต่หนูรู้ว่าจะต้องทำอะไรอย่างไร หนูอยากให้พ่อเข้าใจ และให้อิสระให้หนูได้ทำอะไรเองบ้าง เพราะหนูโตพอที่จะดูแลตัวเอง และโตพอที่จะรับผิดชอบได้แล้ว หนูอยากให้พ่อให้ความสำคัญกับเรื่องใหญ่ ๆ มากกว่าเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ"
ดังนั้น "ถ้าไม่ใช่เรื่องใหญ่ พ่อแม่ควรทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้บ้าง" นี่คือสิ่งที่เล็กสรุปให้ฟัง และพอจะทำให้พ่อแม่หลาย ๆ ท่านเห็นคำตอบที่ว่า ทำไมลูกวัยรุ่นถึงไม่ชอบคุยกับพ่อแม่กันได้ชัดขึ้น
สอดรับกับข้อมูลวิชาการของชมรมจิตแพทย์เด็ก และวัยรุ่นแห่งประเทศไทยที่ระบุถึงสาเหตุในประเด็นเดียวกันนี้ว่า การที่ลูกวัยรุ่นไม่ชอบคุยกับพ่อแม่นั้น เกิดมาจาก
- ชอบเอาเรื่องไปเล่าต่อ
- มีการพูดคุยด้วยการสั่งสอน อบรม ดุว่า หรือโวยวายโดยที่ยังฟังไม่จบ
- ไม่สนใจจริงจังในเนื้อหาที่เขาพูด หรือยึดติดแนวความคิดของผู้ใหญ่เพียงแค่ทำท่ารับฟังไปอย่างนั้น ไม่ได้ตั้งใจที่จะทำความเข้าใจในเนื้อหาที่ลูกพูดออกมา หรือไม่ยอมที่จะเข้าใจ
- จ้องจับผิด
- ไม่เคยสนใจพูดคุยกันมาก่อน พอมีเรื่องขึ้นมาถึงจะมาพูดคุยซักถาม หรือเพื่อหวังผลประโยชน์
อ้างอิง :http://www.manager.co.th/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น